วิธีการวัดผล ROI จากการทำ Social Listening
ในยุคที่ข้อมูลคือขุมทรัพย์ การลงทุนใน Social Listening ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม การลงทุนใดๆ ย่อมต้องมีการวัดผลตอบแทน (Return on Investment - ROI) เพื่อให้แน่ใจว่าทรัพยากรที่ลงไปนั้นสร้างมูลค่าที่คุ้มค่า บทความนี้จะเจาะลึกถึงวิธีการวัดผล ROI จากการทำ Social Listening เพื่อให้คุณสามารถเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกที่ได้มาให้เป็นผลกำไรที่จับต้องได้
ในยุคที่ข้อมูลคือขุมทรัพย์ การลงทุนใน Social Listening ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม การลงทุนใดๆ ย่อมต้องมีการวัดผลตอบแทน (Return on Investment - ROI) เพื่อให้แน่ใจว่าทรัพยากรที่ลงไปนั้นสร้างมูลค่าที่คุ้มค่า บทความนี้จะเจาะลึกถึงวิธีการวัดผล ROI จากการทำ Social Listening เพื่อให้คุณสามารถเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกที่ได้มาให้เป็นผลกำไรที่จับต้องได้

Social Listening ROI คืออะไร?
Social Listening ROI คือการวัดผลตอบแทนทางการเงินที่ธุรกิจได้รับจากการลงทุนในกิจกรรม Social Listening ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องมือ บุคลากร และเวลาที่ใช้ไปในการติดตาม วิเคราะห์ และนำข้อมูลจากโซเชียลมีเดียไปใช้ประโยชน์ การวัดผล ROI ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจว่า Social Listening ไม่ได้เป็นเพียงแค่ค่าใช้จ่าย แต่เป็นกลยุทธ์ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมหาศาล
ทำไมการวัดผล ROI ของ Social Listening จึงสำคัญ?
- **พิสูจน์คุณค่า:** ช่วยให้คุณแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่จับต้องได้ของ Social Listening ต่อผู้บริหารและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ในองค์กร
- **ปรับปรุงกลยุทธ์:** การวิเคราะห์ ROI ช่วยให้คุณระบุได้ว่ากลยุทธ์ Social Listening ส่วนใดที่ได้ผลดี และส่วนใดที่ต้องปรับปรุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนในอนาคต
- **จัดสรรงบประมาณ:** ข้อมูล ROI ที่ชัดเจนสามารถใช้เป็นเหตุผลในการขอเพิ่มงบประมาณสำหรับเครื่องมือหรือทีมงาน Social Listening ได้
- **เพิ่มประสิทธิภาพ:** เข้าใจว่าการลงทุนของคุณสร้างผลตอบแทนอย่างไร ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายและทรัพยากรได้อย่างสูงสุด
5 ขั้นตอนในการวัดผล ROI จาก Social Listening
ขั้นตอนที่ 1: กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
ก่อนที่จะเริ่มวัดผล ROI คุณต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการให้ Social Listening ช่วยอะไรธุรกิจของคุณ เป้าหมายเหล่านี้ควรเป็น SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) ตัวอย่างเช่น:
- **เพิ่มยอดขาย:** ต้องการเพิ่มยอดขาย 10% ภายใน 6 เดือน โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกจาก Social Listening เพื่อปรับปรุงแคมเปญการตลาด
- **เพิ่มการรับรู้แบรนด์:** ต้องการเพิ่มจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์ (Brand Mentions) 20% ภายใน 3 เดือน
- **ปรับปรุงการบริการลูกค้า:** ต้องการลดจำนวนข้อร้องเรียนเชิงลบลง 15% ภายใน 1 ไตรมาส
- **พัฒนาผลิตภัณฑ์:** ต้องการรวบรวมข้อเสนอแนะจากลูกค้าเพื่อปรับปรุงฟีเจอร์ผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 อย่างภายใน 1 ปี
การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณเลือก Metrics ที่เหมาะสมในการติดตามผลได้ในขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนที่ 2: เลือก Metrics ที่สอดคล้องกับเป้าหมาย
เมื่อมีเป้าหมายแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกตัวชี้วัด (Metrics) ที่จะช่วยให้คุณติดตามความคืบหน้าและวัดผลสำเร็จของเป้าหมายเหล่านั้น Metrics ที่สำคัญสำหรับการวัดผล Social Listening ROI ได้แก่:
- **ปริมาณการกล่าวถึง (Volume of Mentions):** จำนวนครั้งที่แบรนด์ ผลิตภัณฑ์ หรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องถูกกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย บ่งชี้ถึงการรับรู้แบรนด์และขอบเขตการเข้าถึง
- **การวิเคราะห์ความรู้สึก (Sentiment Analysis):** การทำความเข้าใจว่าการกล่าวถึงเหล่านั้นเป็นไปในเชิงบวก ลบ หรือเป็นกลาง ช่วยให้คุณประเมินภาพลักษณ์และชื่อเสียงของแบรนด์
- **อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate):** การวัด Likes, Shares, Comments, Mentions และการโต้ตอบอื่นๆ เพื่อประเมินว่าเนื้อหาของคุณน่าสนใจและกระตุ้นการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด
- **อัตราการแปลง (Conversion Rate):** หากเป้าหมายของคุณคือยอดขายหรือการสร้าง Lead ให้ติดตามว่าการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดียนำไปสู่การแปลง (เช่น การซื้อสินค้า การลงทะเบียน) ได้มากน้อยเพียงใด
- **การเติบโตของกลุ่มเป้าหมาย (Audience Growth):** การติดตามจำนวนผู้ติดตามและการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลประชากรของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อประเมินการขยายตัวของแบรนด์
- **การมีส่วนร่วมกับ Influencer/KOL:** การระบุและวัดผลการโต้ตอบกับผู้มีอิทธิพล (Influencer) หรือผู้นำทางความคิด (Key Opinion Leader - KOL) ซึ่งสามารถช่วยขยายข้อความของแบรนด์ได้
- **ส่วนแบ่งการรับรู้ (Share of Voice):** การเปรียบเทียบการมองเห็นและการมีส่วนร่วมของแบรนด์คุณกับคู่แข่ง เพื่อทำความเข้าใจตำแหน่งของคุณในตลาด
- **การลดต้นทุน (Cost Savings):** Social Listening สามารถช่วยลดต้นทุนได้ เช่น การลดค่าใช้จ่ายในการวิจัยตลาด การลดต้นทุนการบริการลูกค้า หรือการป้องกันวิกฤตชื่อเสียงที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูง
ขั้นตอนที่ 3: ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม
การเลือกเครื่องมือ Social Listening ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เครื่องมือที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้:
- **ความสามารถในการติดตามที่ครอบคลุม:** สามารถติดตามการกล่าวถึงจากหลากหลายแพลตฟอร์ม
- **การวิเคราะห์ขั้นสูง:** ไม่ใช่แค่รวบรวมข้อมูล แต่สามารถวิเคราะห์เชิงลึก เช่น การวิเคราะห์แนวโน้ม พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย
- **การติดตาม Conversion:** สามารถเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดียกับการแปลงที่เกิดขึ้นจริง
- **การวิเคราะห์ความรู้สึก:** มีความแม่นยำในการระบุอารมณ์และความรู้สึกจากข้อความ
- **การวิเคราะห์คู่แข่ง:** สามารถเปรียบเทียบข้อมูลกับคู่แข่งได้
- **การรายงานที่ชัดเจนและนำไปใช้ได้จริง:** แปลงข้อมูลให้เป็น Insight ที่เข้าใจง่ายและนำไปปฏิบัติได้
ขั้นตอนที่ 4: คำนวณ ROI ของคุณ
เมื่อรวบรวมข้อมูลและ Metrics ที่เกี่ยวข้องแล้ว ก็ถึงเวลาคำนวณ ROI โดยใช้สูตรพื้นฐาน:
Social Listening ROI (%) = [ (มูลค่าที่สร้างขึ้นจาก Social Listening - ต้นทุนของ Social Listening) / ต้นทุนของ Social Listening ] x 100
การระบุมูลค่าที่สร้างขึ้น (Value Generated):
- **รายได้ที่เพิ่มขึ้น:** หาก Social Listening นำไปสู่การปรับปรุงแคมเปญที่ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ให้ประมาณการรายได้ส่วนเพิ่มนั้น
- **ต้นทุนที่ลดลง:** หาก Social Listening ช่วยลดค่าใช้จ่าย เช่น ลดค่าใช้จ่ายในการวิจัยตลาด (ไม่ต้องทำ Focus Group) หรือลดต้นทุนการจัดการวิกฤต (สามารถแก้ไขปัญหาได้ก่อนที่จะบานปลาย) ให้รวมค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้
- **มูลค่าของ Brand Equity:** แม้จะวัดยาก แต่การปรับปรุงภาพลักษณ์แบรนด์ ความภักดีของลูกค้า หรือการรับรู้แบรนด์ ก็มีมูลค่าในระยะยาว
การระบุต้นทุน (Costs):
- **ค่าเครื่องมือ Social Listening:** ค่าสมัครสมาชิกซอฟต์แวร์
- **ค่าบุคลากร:** เงินเดือนของทีมงานที่รับผิดชอบ Social Listening
- **ค่าใช้จ่ายอื่นๆ:** ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม หรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการนำ Insight ไปปฏิบัติ
ตัวอย่างการคำนวณ:
สมมติว่าธุรกิจของคุณลงทุนใน Social Listening ไป 50,000 บาทต่อเดือน และจากการวิเคราะห์พบว่า:
- สามารถปรับปรุงแคมเปญการตลาดที่นำไปสู่ยอดขายเพิ่มขึ้น 100,000 บาท
- สามารถแก้ไขปัญหาลูกค้าเชิงลบได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดการวิกฤตไปได้ 20,000 บาท
มูลค่าที่สร้างขึ้น = 100,000 + 20,000 = 120,000 บาท
ต้นทุน = 50,000 บาท
ROI = [ (120,000 - 50,000) / 50,000 ] x 100 = [ 70,000 / 50,000 ] x 100 = 140%
หมายความว่าทุกๆ 1 บาทที่ลงทุนไปใน Social Listening สร้างผลตอบแทนกลับมา 1.40 บาท หรือคิดเป็นผลตอบแทน 140% ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ขั้นตอนที่ 5: ประเมินและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
การวัดผล ROI ไม่ใช่กิจกรรมที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่อง คุณควรประเมินผล ROI เป็นประจำ (เช่น รายไตรมาส) เพื่อ:
- **ระบุแนวโน้ม:** ดูว่า ROI มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือลดลง
- **ปรับกลยุทธ์:** หาก ROI ต่ำกว่าที่คาดไว้ ให้ทบทวนเป้าหมาย Metrics หรือเครื่องมือที่ใช้
- **เรียนรู้และพัฒนา:** ใช้ข้อมูลที่ได้จากการวัดผลเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ Social Listening ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต
สรุป
การวัดผล ROI จากการทำ Social Listening เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถพิสูจน์คุณค่าของการลงทุนในกลยุทธ์นี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน หรือปรับปรุงภาพลักษณ์แบรนด์ การมีระบบการวัดผลที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างชาญฉลาด และเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกจากโซเชียลมีเดียให้เป็นผลกำไรที่ยั่งยืนในระยะยาว
บทความทั้งหมด : ที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจ
Social Listening คืออะไร ? แตกต่างจาก Social Monitoring อย่างไร ? และทำไมธุรกิจจำเป็นต้องใช้
ในยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลักในการแสดงความคิดเห็น การทำ Social Listening จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจกับ Social Listening ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการประยุกต์ใช้ในธุรกิจจริง
อ่านต่อปลดล็อกพลังของ Social Listening ด้วย N8N AI Agent: เปลี่ยนข้อมูลโซเชียลให้เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจ
ในยุคดิจิทัลที่การสนทนาเกี่ยวกับแบรนด์ สินค้า และบริการเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมงบนโซเชียลมีเดีย การทำความเข้าใจเสียงของลูกค้า (Voice of Customer) ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ การทำ Social Listening หรือการเงี่ยหูฟังสิ่งที่ผู้คนพูดถึงเราบนโลกออนไลน์ ไม่ใช่แค่การติดตามการกล่าวถึง (Mentions) แต่คือการวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลเหล่านั้นเพื่อค้นหาข้อมูลเชิงลึก (Insights) ที่นำไปสู่การตัดสินใจทางธุรกิจที่เฉียบคม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลักคือปริมาณข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องและความรวดเร็วในการเปลี่ยนแปลงของกระแสสังคม การติดตามและวิเคราะห์ด้วยตนเองจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้
อ่านต่อ5 เทรนด์ Social Listening ที่ธุรกิจต้องรู้ในปี 2025
ในภาวะปัจจุบัน การเข้ามาของ A.I. ในการจัดทำข้อมูลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การนำ Social Listening ได้พัฒนาจากการเป็นเพียงเครื่องมือติดตามการกล่าวถึงแบรนด์ ไปสู่กลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจผู้บริโภค คู่แข่ง และตลาดได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ปี 2025 นี้ เทรนด์ใหม่ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของ Social Listening และการตลาดดิจิทัล ธุรกิจที่ต้องการรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันจำเป็นต้องทำความเข้าใจและปรับตัวให้ทันกับเทรนด์เหล่านี้
อ่านต่อวิธีการวัดผล ROI จากการทำ Social Listening
เทคนิคและวิธีการวัดผลตอบแทนจากการลงทุนในเครื่องมือ Social Listening พร้อมตัวอย่างการคำนวณที่ใช้ได้จริง
อ่านต่อContent Marketing : บทความการตลาด & Martech & A.I.
บทความทางการตลาดที่ได้มีโอกาสไปแบ่งปันประสบการณ์

Case Study ใน Brand Age Online
Uses Case : ตลาดแชมพูปิดผมขาวในโลกออนไลน์ ที่แบรนด์ต้องฟัง ผ่าน Social Listening Tool
Read more
Case Study ใน Marketing Oop!!
เมื่อ #ปาท่องโก๋ ที่โด่งดัง ถูกเข้ามาแทนที่ด้วย #ครัวซองต์ อะไรคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
Read more
DOM Social Listening & Social Analytics Tool
เครื่องมือ Martech ของคนไทย ที่ช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Read more

ตลาดลูกค้าสายมู เล่นแบบไหนมัดใจลูกค้า
เจาะตลาดลูกค้าสายมู แบรนด์ควรเล่นกับความเชื่อแบบไหน? ถึงมัดใจลูกค้าได้มากที่สุด
Read more
8 Trends สำหรับ Muketing ที่จะเกิดขึ้นในปี 2567
Muketing เชื่อมจิต ด้วย 8 Trends สำหรับสายมู ที่จะเกิดขึ้นในปี 2567
Read more